“มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นเค้ายังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีข้างในใจ เรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกล..ตัวเรา ”
welcome

Lilypie Next Birthday Ticker

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

..Faith..

ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ความเป็นความตายอยู่ต่อหน้าเพียงเอื้อมมือ
คุณจะคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตคุณ ..
และคุณจะเรียกร้องหาความช่วยเหลือจาก..ใคร ?
และอะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่า..
 คุณจะได้รับความปลอดภัยอย่างไม่ต้องสงสัย



............


เมื่อวาน(วันเสาร์ที่16) ออกเดินทางจากกระบี่ตอนหกโมงเช้า
ไปแวะเติมน้ำมันตรงปั๊มตรงสี่แยกไปอ่าวนาง
อาการแบตเตอรี่หมดเริ่มออก คือ พอดับเครื่องปุ๊บก็สตาร์ทไม่ติด
ต้องขอให้เด็กปั๊มช่วยเข็นแล้วสตาร์ทให้ แล้วก็สตาร์ทติด ขับไปได้


ตลอดการเดินทางจากกระบี่ไปตะกั่วป่า(พังงา)
เรานมัสการพระเจ้า และอธิษฐาน
ฝนตกหนักบ้าง ปรอยบ้าง ตลอดเส้นทาง


แล้วรถก็ไปหยุดพักทานข้าวเช้าที่ตลาดพังงา
ออกจากพังงาตอนแปดโมง ขึ้นเขาไปต่อ กว่าจะถึงตะกั่วป่า
ฉันรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยดีนัก เวียนหัวและเมารถ
ไม่ได้กินยาแก้เมามา ได้แต่ใส่แว่นดำ รู้สึกพะอืดพะอมแต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก


ไปถึงคริสตจักรความหวังตะกั่วป่า น่าจะประมาณเก้าโมง(ลืมดูเวลา)
เป็นการสัมนาโซน มีกระบี่ กับพังงา และบางส่วนของภูเก็ต
ในหัวข้อ "คริสเตียน กับความมั่งคั่ง"
(ส่วนเนื้อหา ฉันจะแบ่งเล่าในวันต่อไป วันนี้จะเล่าเรื่องการเดินทาง)
เราเรียนกันไป2ช่วงในภาคเช้า หลังอาหารเที่ยงคือขนมจีนแสนอร่อย
เราก็เรียนกันอีก 2 หัวข้อ ในภาคบ่าย  รายการจบลงตอนประมาณ3โมงกว่า
ฝนตกตลอด หนักบ้าง เบาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหนัก


เราเดินทางกลับกันตอนประมาณสามโมงครึ่ง-สี่โมงเย็น
น่าแปลกที่รถตากฝนตลอดเช้าถึงบ่ายเย็น แต่กลับสตาร์ทครั้งเดียวติด
ออกจากตะกั่วป่า ขึ้นๆลงๆเขามาจนเข้าเขตพังงา
ก็แวะปั๊ม (จริงๆ พี่แอนกับพี่อ๋อยที่นั่งข้างหลัง
อยากให้แวะข้างทางหลายรอบแล้วแต่ฝนตกหนักมาก)


พอรถจอดที่ปั๊ม พี่อ๋อยก็วิ่งลงไปอ๊วกที่สนามหญ้าก่อนจะถึงห้องน้ำปั๊ม
ฉันไปอ๊วกในห้องน้ำ แม่กับพี่แอนเข้าห้องน้ำ
อาการของคนที่ว่า ดูจะหนัก เพราะเหมือนเมารถกับแพ้อาหารไป2คน
ยังไม่เท่ากับเมื่อพอเราก้าวขึ้นรถ ตอนนี้ก็สตาร์ทไม่ติดอีกแล้ว
น้านิดเลยขอแรงเด็กปั๊มช่วยเข็นรถให้มันก็ยังไม่โอเค
ต้องได้จั๊มขั้วแบตเตอรี่กับรถอีกคน(คิดว่าน่าจะเป็นรถช่างประจำปั๊ม)
คนนั้นเรียกค่าบริการ 150 น้านิดต่อเหลือ 100 บาท
พอออกจากปั๊ม เราต้องเลี้ยวกลับเข้าเส้นทาง(ปั๊มอยู่อีกฝั่งถนนที่เราจะใช้เดินทางกลับ)
รถก็เกิดอาการเลี้ยวไม่ไป มันหล่นไปที่ไหล่ทาง ปล่อยท้ายรถโผล่อยู่บนถนน
ฝนเริ่มตกอีกครั้ง เราทั้งอธิษฐานและคนขับคือน้านิดก็พยายามหมุนล้ออยู่สักพัก
มันก็กลับเข้ามาสู่เส้นทางปกติได้ 


แต่พอขับไปอีกสักพัก ล้อหน้าด้านซ้ายก็เหวออกจากถนนอีกครั้ง
คราวนี้น้านิดเลยต้องหยุดสักพัก เราเริ่มไม่แน่ใจว่า จะกลับได้หรือเปล่า
แม่โทรหาอาจารย์ที่ความหวังตะกั่วป่า จะถามหาช่างซ่อมในพังงา
แต่ก็ยังติดต่ออะไรไม่ได้มาก ฝนเริ่มลงหนักอีกครั้ง
พวกเรายังคงอธิษฐานขอพระเจ้าโปรดช่วย น้านิดตัดสินใจลองหมุนกลับเข้าถนนอีกครั้ง
มันก็ติดๆขัดๆอยู่สักพัก ก็กลับเข้าสู่เส้นทางได้


จนมาถึงทางเลี้ยวรถก็หยุดกึก ล้อไม่ยอมหมุนอยู่กลางถนน
ทำให้เราสังเกตว่า ถ้าขับทางตรง มันจะเหวๆไปด้านซ้าย แต่ยังพอไปได้
แต่เมื่อเลี้ยวขวาปุ๊บ มันจะไม่ยอมหมุน ช่วงนี้ฝนลงหนักมาก
รถผ่านไปผ่านมาต้องจอดรอให้เราค่อยๆข้ามถนนไป



พอเริ่มเข้าเส้นทางลัด เราก็เริ่มคิดว่า เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว
(แต่ก็ยังอีกเป็นร้อยกิโล) ก็มากันเรื่อยๆ ไม่ขับเร็ว
เพราะพี่แอนโทรมาจากด้านหลังบอกว่า ให้ขับช้าๆ
สงสัยกันว่า อาจเป็นน๊อต(ตัวไหนไม่รู้)หลุด
ตอนนั้นเกือบจะทุ่มนึง
แม่ยังโทรบอกพ่อว่า เข้าเขตกระบี่แล้วอยู่อ่าวลึก
พอวางหูได้ไม่นาน ก็ถึงทางเลี้ยจะเข้าถนนตรงสู่กระบี่
ตรงนั้นเป็นสามแยก แล้วรถก็เกิดอาการอีกครั้ง มันน่ากลัวมากขึ้น
เพราะถนนเส้นใหญ่ มีรถผ่านไปผ่านมาตลอด
การที่รถเราไปค้างคา เลี้ยวไม่พ้น อยู่อย่างนั้น หลายนาทีมาก
สำหรับฉัน มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก รถฝั่งซ้ายก็บีบแตรไล่เรา
รถฝั่งขวาก็วิ่งมาแล้วเลยด้านหลังเราไป ทุกคนช่วยกันอธิษฐานขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า
วินาทีนั้น มันมีแค่สองอย่างที่เราทำได้ คืออธิษฐาน กับใช้ความเชื่อหมุนพวงมาลัย


ฉันลืมบอกไปว่า ด้านหน้าของสามแยกเป็นคูน้ำที่เพิ่งถูกขุด ค่อนข้างจะลึกและขังน้ำอยู่เต็ม
พอล้อเริ่มเหมือนจะหมุน มันก็เหวไปตรงคูน้ำ แต่น้านิดเบรคเอาไว้
แล้วก็พยายามหมุนล้อกลับเข้าถนนอีกครั้ง มันก็กลับมานะ
แต่ไปไหนไม่ได้ไกลกว่านั้นมากนัก คือ ขึ้นเนินมาสักนิด แล้วก็ต้องจอด
เพราะล้อหน้าซ้ายจะออกข้างทางอย่างเดียว


แต่จุดที่รถเราต้องจอด ไม่มีไฟถนนเลยสักดวง
คืนเดือนมืด ดวงจันทร์ถูกเมฆดำปิดมืดทึบ
รถน้านิดเป็นสีเลือดหมู สีเข้มที่ไม่สะดุดตา ก็เปิดไฟขอทางเอาไว้
แต่พี่แอนคิดว่า แบบนี้ยังไม่ปลอดภัยได้จริงๆ เลยให้ทุกคนลงจากรถ
แกคว้าเสื้อลูกสาวไปตัวนึง ก็ยืนโบกไล่รถอยู่ด้านหลัง ให้คนเห็นว่า มีรถจอดอยู่


แล้วคนแรกที่จอดรถมาถามช่วยเรา คือ ช่างซ่อมจากอู่ที่ไม่ไกลจากแถวนั้น
เพราะพอเค้าเอาไฟฉาย(ที่ฉันพกเอาไปด้วย) ส่องดูก็รู้ทันทีว่า ลูกหมากขาด
(ลูกหมากหรือ Ball Joint ทำหน้าที่เป็นข้อต่อและจุดหมุนระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ
ของรถยนต์โดยเฉพาะชิ้นส่วนอะไหล่ช่วงล่าง
ทั้งระบบบังคับเลี้ยวและระบบกันสะเทือน [ค้นข้อมูลจากgoogle] )
เค้าก็เลยบอกว่า แบบนี้ต้องเปลี่ยนนะ มีอุปกรณ์ถอดล้อมั๊ย
น้านิดก็ไปค้นๆใต้เบาะหลัง มีแค่อะไรก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จัก
แต่มันเป็นทรงกระบอก ดูไม่ออกจริงๆว่าเอาไว้ทำอะไรตรงไหน -*-


ช่างคนนั้นก็เสนอตัวว่า จะพาไปซื้ออะไหล่ กับต้องไปเอาอุปกรณ์ที่อู่
น้านิดก็เลยซ้อนท้ายเค้าไป ส่วนพวกเราที่เหลือก็ยืนรออยู่ข้างถนน
ฝนยังคงตกพรำๆ พี่แอนก็ยังคงยืนโบกเสื้อเป็นสัญญาณขอทางรถ
พี่อ๋อยโบกลูกโป่งสีฟ้า (ซึ่งบอกตรงๆว่า มันเห็นได้ยากมากในคืนเดือนมืด)
หลังจากนั้นก็ยังคงมีคนแวะลงมาดู บางคนถามว่ามีใครบาดเจ็บอะไรรึเปล่า
เพราะเค้าคิดว่ามีอุบัติเหต เค้าจะพาไปส่งโรงพยาบาลให้
บางคนแวะลงมาบอก(แต่เหมือนด่า) ให้เราไปตัดกิ่งไม้มาขวางทาง
และด้วยมือเปล่า ก็หักกิ่งกระถินยักษ์ได้2กิ่ง -*- (ช่วยได้มากเลย)


สักพักก็มีรถเก๋งคันหนึ่งเลี้ยวกลับมาจากอีกฝั่งถนน
(คนส่วนใหญ่ที่แวะ คือเค้าขับผ่าน กำลังจะไปทางกระบี่
แต่รถคันนั้นเหมือนจะไปทางอ่าวลึก)
เค้ามาจอดด้านหลังรถเราสักระยะ เปิดไฟขอทางที่รถตัวเอง
แล้วก็ลงมาถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม
เป็นตำรวจที่ระนอง กำลังจะไปเยี่ยมลูกชายที่ตรัง(กระบี่เป็นทางผ่าน)
แกบอกว่า ตอนแรกขับเลยไปแล้ว แต่มันไม่สบายใจ
คืออยากจะจอด แต่กลัว(พวกโจรผู้ร้าย)
แต่แกเห็นว่า นั่นผู้หญิงทั้งคันรถเลย ถ้าไม่กลับมาดูสักหน่อย
คงรู้สึกว่าตัวเองผิด เค้าก็เลยวกรถกลับมา
เราก็ไม่รู้จะให้เค้าช่วยอะไรดี แต่สักพักน้านิดก็มาถึง
คุณตำรวจคนนั้นก็เลยได้ช่วยเอาอุปกรณ์ถอดล้อ ที่อยู่ในรถเค้ามาช่วยซ่อม
ฉันไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่คงเกินชั่วโมง เพราะอุ้มเจ้ากลอรี่เอาไว้
ตั้งแต่ยังไม่หลับ จนหลับอยู่บนแขน


แล้วพอซ่อมเสร็จ ช่างก็ยังไม่ยอมเอาเงิน แต่แม่ก็จับใส่มือเค้า
ถ้าเค้าไม่คิดว่าเป็นค่าจ้าง เราก็ขอบคุณมาก แต่เพราะเราขอบคุณเค้า
และเห็นคุณค่าสิ่งที่เค้าช่วยเหลือ นี่แค่สิ่งเล็กน้อยเท่านั้นเอง


ส่วนคุณตำรวจ จากที่คิดว่า ถ้าเหนื่อยไหนก็คงจะนอนนั่น
มาจากตะกั่วป่าเหมือนกับเรา คิดว่าอาจนอนค้างในกระบี่ก่อน
พอพี่แอนจะขอติดรถไปลงบ้าน (เป็นอู่แถวคลองพน) ก็เลยเปลี่ยนใจ
เค้าคงสงสาร สองแม่ลูกที่ถ้าเค้าไม่ไปตรังเลย
ก็จะต้องไปรอขึ้นรถเมล์ต่อไปเอง
พี่แอนกับน้องอิงก็เลยกลับถึงบ้านอย่างเรียบร้อยปลอดภั


**ระหว่างที่เรากำกลับบ้านในระยะทางอีกประมาณ40กิโลเมตร
ฉันเห็นรถที่เสียและหยุดอยู่ริมทางหลายคัน หลายจุด
พี่อ๋อยยังเล่าว่า ตอนที่รถเราคาอยู่ตรงสามแยกนั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์ไถลลื่นล้มกลาง
ถนนด้วย


ฝนตก ถนนลื่น รถเสียกลางถนนอยู่หลายนาที หมุนไปหมุนมาเกือบตกคูน้ำลึก
กลับมาได้ก็ต้องจอดอยู่ในความมืด ไม่มีแสงไฟถนน ไม่มีแสงจันทร์ ไม่มีบ้านคน
ในรถอุปกรณ์ซ่อมไม่มี ไม่มีผู้ชายหรือคนที่เข้าใจการซ่อมจริงๆ
แต่เราทุกคนปลอดภัย ไม่มีสักคนได้รับอันตราย
รถได้รับการซ่อมจากช่าง(ลืมบอกไปว่า เค้าเป็นหัวหน้าช่างของอู่นั้นด้วย
ตอนไปซื้ออะไหล่ ถ้าไม่ไปกับช่าง ร้านเค้าคงไม่ขายให้ สองทุ่ม ร้านปิดหมดแล้ว)
ได้รับความช่วยเหลือเรื่องไฟของรถคุณตำรวจ (ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพื้นที่ตรงนั้นเลย)



............


สิ่งที่ได้จากเหตุการณ์นี้ ได้รู้ว่า การอยู่ต่อหน้าความเป็นความตายนั้น
ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะพอเค้าให้ลงจากรถ
ฉันก็ลงจากรถโดยไม่ได้เอาอะไรออกมาด้วยเลย


ได้รู้ว่า การเดินทางไกล เราต้องรอบคอบให้มาก
เรื่องของการตรวจสอบรถก่อนเดินทางนั้น ให้เจ้าของรถไปรับผิดชอบเถอะ
เราไม่ขอพูดในเรื่องนี้ แต่ทำให้คิดว่า
ต่อไปนี้ ถ้าจะเดินทาง ต้องพก ไฟฉายอันใหญ่ หรือพวกสปอรทไลท์
มีดใหญ่ๆ หรือมีดพร้า เผื่อต้องใช้ตัดกิ่งไม้ข้างทาง
เดินทางกลางคืน หาเสื้อผ้าสีสว่างใส่ไปก็ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นเรา


เหนือสิ่งอื่นใด .. ขอบคุณพระเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองเรา
และส่งคนที่เหมาะสมเข้ามาช่วยเหลือ
ถ้าส่งแค่ช่าง เราก็คงจะยังซ่อมได้ยากเพราะอุปกรณ์ไม่พอ
ถ้าส่งแค่ตำรวจ ก็คงได้แค่ยืนเป็นเพื่อน ระหว่างรอให้เราพยายามติดต่อหาช่าง


God is so Good !!


............


"จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำ
ให้วิถีของเจ้าราบรื่น "
                                                        สุภาษิต3:5-6
สำหรับฉัน มีข้อ7เพิ่มขึ้นมาด้วยต่อไปอีกว่า
"อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันเสียจากความชั่วร้าย"


ด้วยเหตุผลที่ว่า คืนวันศุกร์แม่พยายามจะเย็บแต่งเสื้อค่ายสีขาวแถบส้มให้ฉันใส่ไป
แต่ฉันกลับคิดว่า มันเป็นสีขาว สกปรกง่าย ใส่เสื้อดำไปดีกว่า
(เมื่อคืนวาน ฉันก็เลยยืนเป็นยายมืดทั้งตัวอยู่ริมถนน
ไม่มีอะไรในตัวขาวให้สะท้อนแสงสักอย่าง)



 

 

Related Posts with Thumbnails