“มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นเค้ายังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีข้างในใจ เรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกล..ตัวเรา ”
welcome

Lilypie Next Birthday Ticker

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

..เด็ก ขนม และ จิปาถะ..

เดิมตั้งใจว่าอาทิตย์นี้จะสอนเด็กห่อปกพระคัมภีร์
ก็เลยห่อของตัวเองไว้ จะให้เป็นตัวอย่าง






หยิบกางเกงยีนส์เก่าที่พ่อเอามายกให้
ตัดแล้วเห็นส่วนตะเข็บ คิดเอาว่าถ้าสอยกระดุมติดคงเก๋
ก็เก๋นะ แต่กว่าจะติด เข็มงอแล้วงออีก
ฉันก็ไม่นึกอยากใช้เข็มเบอร์อื่นซะด้วย ยึดมั่นแต่เข็มเบอร์ ๑๑ นี่แหละ






สอยกระดุมติดเสร็จ ก็สอยคัพเค้กที่เคยทำตั้งไว้ติดไปด้วย
แต่กะผิดอีกตามเคย เบี้ยวไปเยอะเลย
ดีที่ตอนห่อทำง่ายมาก ผ้ายีนส์นี่น่าจะเหมาะกับการห่อปกหนังสือจริงๆ
เบี้ยวนิด แต่ฉันก็พอใช้ผลงานพอประมาณ...
กะเต็มที่ว่า อาทิตย์นี้จะสอนเด็กๆทำ ประมาณนี้แหละ...


...

แต่ว่า พอวันอาทิตย์ หนูๆก็ลืมเอาอุปกรณ์มา
อันที่จริงนนท์เอามานะ แต่เอาเสื้อยืดมา
มันจะใช้ได้ที่ไหนล่ะ เอามาห่อปกหนังสือเนี่ย
เป็นอันว่า ยกเลิกๆ ให้ตกแต่งปกพระคัมภีร์กันตามอัทธยาศัยแทน
นนท์กับเอสก็ทำนะ แต่นนท์รีบไปก่อน เลยไม่ได้เก็บรูปไว้


ดีที่คืนวันเสาร์ทั้งคืนฉันไม่ได้นอนเลย
นั่งทำของไว้ให้เด็กตกแต่งปกพระคัมภีร์กัน
แต่ทำช้าจัง ได้แค่นี้แหละ (คือไม่ใช่ทำแต่เจ้านี้นี่นา)




แล้ววันนี้ก็มีครอบครัวมิชชันนารีมาเยี่ยมที่โบสถ์ด้วย
เค้ามีลูกสาวเล็กๆ ๒ คน คุณนิกก็ชวนให้เค้ามาเข้าคริสตจักรเด็ก
พอมา นั่ง ก็ต้องให้แม่เค้าอยู่ด้วยอีก เพราะเด็กๆยังพูดไทยไม่ค่อยได้










ขำดีที่ฉันนั่งเงียบอยู่นานมาก จะพูดก็พูดไม่ออก
คืออยากพูดอังกฤษ แต่ไม่รู้ว่าจะคุยกับแม่ก่อนดี หรือคุยกับลูกก่อนดี
ดูเค้าคุยกันเองเพลินซะ ฮ่าๆๆ เราก็เลยคอยหาอุปกรณ์ให้เค้าทำ
จนโน่นแหละ ที่เค้าเขียนชื่อติด เห็นแม่เค้าเขียนภาษาไทย
ฉันเลยได้ทักขึ้นมา เค้าก็ตื่นเต้นที่ฉันพูดอังกฤษได้ -,-
ก็นะ ได้นิดหน่อย ฟังเค้าแล้วตอบอังกฤษบ้าง ไทยบ้าง
พยายามจะพูดหรอก แต่ขนาดที่คิดแล้วพูดกับเด็ก ยังต้องให้แม่เค้าแปลอีกรอบ ฮ่าๆๆ






เค้าน่ารักดี เด็กๆเป็นมิตร พ่อแม่เค้าก็น่ารัก เล่าว่าเคยอยู่ไทย ๔ ปี กลับไปอเมริกา ๖ปี
เพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่ถึง ๖ เดือน เด็กๆก็เลยต้องหัดเรียนภาษาไทยกันอยู่
หลังข้าวเที่ยง เลยเอาพวกกิ๊บติดผม สร้อยคออะไรๆ มาให้เค้าเป็นที่ระลึก
ก็ฉันทำเองทั้งนั้น ขายออกบ้าง ขายไม่ออกบ้าง ได้ให้เค้ามันก็มีประโยชน์ดีนะ
ยิ่งเห็นที่เค้าอยากใส่ แกะใส่กันทันที เราก็ดีใจ
จะแตกต่างกับเด็กไทยอยู่เหมือนกัน คือ บางคนจะไม่ค่อยอะไรกับงานDIY
แต่ก็ไม่ทุกคนนะ คิดว่าคงมาจากทัศนคติของพ่อแม่ด้วยแหละ




อ่อ เที่ยงวันนี้เราทานน้ำพริก ไข่เจียว กับแกงจืดหมูจริงหมูปลอมกัน
แต่เก็บหลักฐานมาแค่เมนูแรก อย่างหลังไม่ทันล่ะ
หิวๆกันทั้งนั้น เลยกินซะเรียบ ฮ่าๆ
อ่อ แกงจืดหมูเนี่ย แม่เอาโปรตีนเกษตรมาผสมรวมกับหมูสับ
นุ่มดี แต่จะอร่อยล้ำเลิศกว่านั้น หากใส่กระเทียบและรากผักชี
เพราะมันจะกลบกลิ่นของโปรตีนเกษตรอยู่หมัดเลย
แต่แค่นั้นก็อร่อยแล้ว มาเจอน้ำพริกกะปิฝีมือคุณนิกอีก .. ข้าวเกลี้ยงหม้อกันเลยเชียว






วันนี้เจอโยเอลจังๆเลยถ่ายรูปไว้ซะเยอะเลย
แล้วเอาโหมด ถ่ายตัวเองมาเล่นด้วย เลยจับลิงไว้ได้แป๊บนึง
ยากมากนะ จะจับโนอาห์กับโยเอลไว้ด้วยกันได้เนี่ย
(ถ้าเค้าเล่นกันเองก็อีกเรื่องเนอะ ..)


...

ว่าด้วยเรื่องกิน ลืมเล่าไปว่าวันศุกร์ที่เฝ้าบ้านคนเดียว
อยากจะทำน้ำอัญชัณกิน แต่เครื่องไม่พอ ไม่มีน้ำแข็ง ร้านน้ำแข็งข้างบ้านปิด
ไม่มีมะนาว ต้มดอกอัญชัณแล้ว เลยได้แต่น้ำสีน้ำเงิน เอามาใส่น้ำตาลก็ไม่อร่อย
คือจะใส่น้ำผึ้ง ..น้ำผึ้งที่มีก็เก่าจัด ดำปี๋เลย
เลยทำเป็นน้ำชงกาแฟแทน ผลคือ...




เป็นกาแฟสีโคลนที่น่าสยองมาก อย่างกะมาจากหนังสยองขวัญ ฮ่าๆๆ
เข็ดจริงๆ แต่แค่นี้ น้ำต้มดอกไม้ก็ยังเหลือ ..
เลยเอามาคลุกข้าว แล้วจัดให้นายน้อง ได้ออกมาประมาณนี้..




จานโตเลยนะ มะเขือเทศไม่มีก็เอาสตรอฯนี่ล่ะ
ไม่อยากบอกว่า ท่านกินหมดด้วย ฮ่าๆๆ พี่นี่สุดจะปลื้ม
แต่คงไม่ใช่เพราะข้าวหรอก ก็ปลาซัมมะตุ๋น ๓ รส ที่แม่ทำ อร่อยซะขนาดนั้น


ส่วนวันจันทร์ โหมดของกินเน้นไปที่ของว่าง
ความง่วงช่วงค่ำ ทำฉันต้องหาอะไรใส่ปาก คืออยากตื่น
คิดว่า ไม่กาแฟ ก็มะม่วงเบานี่ล่ะ สุดท้าย เอามะม่วงล่ะกัน
พ่อทำไว้เยอะเลย ทั้งมะม่วงและน้ำปลาหวาน ..




สบายคนกินไปสิทีนี้ ฉันกินเกือบหมดชามเลยนะ .. คนเดียวนี่แหละ
แต่ก็ขำดี ที่ตอนกินเท่านั้นที่มันไม่ง่วง เพราะเปรี้ยวปรี๊ด
แต่พอหมดปาก ก็ง่วงต่อ .. เหอๆๆ




ส่วนอีกจานนี่ของน้อง เอาขนมปังณห้างดอกบัวถุงเก่า
(รู้สึกจะสองอาทิตย์ก่อน)ที่แช่เย็นไว้มานึ่งให้เค้าทานกะนมข้นหวาน
ขนมปังเค้าอร่อยดี แต่นมยี่ห้อวัง เนี่ย ไม่ค่อยอร่อยนะ
มีแค่หวาน และเหนียว


อีกอย่างที่อยู่ในหมวดของกิน แต่ยังไม่ได้กิน
คือของฝากจากพ่อ พ่อไปได้มาจากไหนไม่รู้แฮะ .. กล้วยงาช้าง ใหญ่จริงๆ






รูปเทียบเหรียญดูไม่ออกใช่ม๊ะ?
ต้องรูปที่ในมือเนี่ย ... ใหญ่ชัด ถนัดตา ฮ่าๆ
กะว่าลูกเดียวคงอิ่มทั้งบ้านเนอะ .. เอ่อ ว่าแต่มีเม็ดป่ะเนี่ย
(กล้วยน้ำว้าของทางใต้ เม็ดเยอะมากกกกกกก)

...

วันจันทร์ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็เพลียจากวันอาทิตย์ เลยนอนซะเยอะ
พยายามจะทำอะไรๆให้เสร็จบ้าง ได้ดราฟท์รูปส่งให้ป้าแจ๊วเสร็จไปหนึ่งรูป
แล้วก็ทำภาพนมกับขนมอีกรูป ..






วันอังคาร ก็ยังคงไม่พ้นของกิน ทำแต่ของกิน ฮ่าๆ
เป็นขนมที่อยากทาน เพราะวันก่อนซื้อมาแค่สี่ชิ้น
คิดจะไปซื้ออีก ก็เหมือนจะไม่เห็นแม่ค้าแล้ว
(หรือว่าเค้าจะเลิกทำแล้วอ่า .. เพราะราคาถูกจัด)


...

ช่วงนี้อยู่ในโหมด "บอกไม่ถูก"
คือบางทีก็อยากรู้สึกพิเศษ แต่บางทีก็ไม่
ฉันว่า ฉันนี่แหละที่ไม่ชัดเจน ไม่มีสิทธิ์จะชัดเจนด้วย
ก็แค่...




แต่ได้แค่นั้น หัวใจข้างๆ ไม่มีผลอะไรกับตัวตนจริงๆของฉัน
ฉันอาจเหมือนคนที่ทำอะไรด้วยอารมณ์ แต่สมองคือสิ่งที่ควบคุมชีวิตฉันจริงๆ

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

..อย่าปล่อยตัวแช่อยู่ในปลักโคลนความคิดแง่ลบ..

วันนี้เอาอิลลัสคนรักสตรอเบอรี่ฉบับแก้ตัวมาด้วย
เจ้าต้นหรอกที่มาทักว่าจมูกดูแปลกๆ ซึ่งฉันก็เห็นด้วยล่ะนะ
ก็เลยขอคำปรึกษาเค้า เค้าทำตัวอย่างมาให้ดู
พร้อมคำแนะนำ "ถ้านึกไม่ออก ให้ค้นในกูเกิ้ล"
ฟังตอนแรกก็เห็นด้วย รับคำว่าจริง เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งตา และปาก
ฉันจะมึนงงกับรูปแบบภาพสไตล์ vectorมากๆ
ก็อาศัยค้นดูงานชาวบ้านนั่นแหละ ดูเค้า เอาเค้าเป็นแบบ เป็นแนวทาง
แต่ดันมาบื้อตรงจมูกซะได้ น่าจะเพราะคราวก่อนๆ เจ้าต้นก็แนะนำให้ตลอด
เลยชักจะติดนิสัย รอให้ช่วยดูช่วยแก้ให้ ...




แต่พอผ่านไปไม่ถึงห้านาที ฉันก็คิดถึงประโยคนั้นอีกครั้ง
มันทำให้ฉันรู้สึก ตกเป็นเบี้ยล่างทันทีเลย
คืออะไรก็ตามที่เราต้องให้คนอื่นช่วย เรามันไม่มีความสามารถที่จะคิดหรือทำเองได้
เพราะงี้ ฉันก็เลยตั้งปณิธานกับตัวเองใหม่ว่าจะถามให้น้อยลง
ฉันก็ไม่อยากจะรบกวนใครเขาบ่อยๆหรอก เข้าใจนะว่าเค้าแนะนำ
แต่อาจอารมณ์อ่อนไหวเราก็เลยรู้สึกทะแม่งๆทีหลัง
แต่ไม่เป็นไร ... ฉันไม่ได้เสียความรู้สึกหรือเคืองอะไร ดีซะอีกที่เค้าบอก
รูปต่อมาฉันก็เลยทำตามแนวทางที่เค้าแนะนำไว้ ได้รับคำชมด้วย
แต่ยังไม่ได้ทำต่อเลย อัพไว้ในแฟนเพจ คงไม่เอามาแปะในนี้ต่อล่ะนะ
เพราะเป็นเรื่องงานจริงๆ


...

เช้าวันพุธแสนหดหู่ คิดอะไรมากมาย คิดเยอะจนร้องไห้
แต่ก็ต้องหยุด แล้วคิดใหม่ มองหาแง่บวก มองว่าทำไมต้องเป็น หรือต้องเจอ
แล้วก็พบอีก(ครั้งที่ล้านแสนแปดหมื่น)ว่า เราทำตัวเป็นแขนงที่ไม่ติดกับลำต้น
คือเฉพาะแขนงที่ติดต้นและออกผลก็ยังถูกลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้นอยู่แล้ว
จะคิดว่าชีวิตต้องไร้ปัญหาเท่านั้นคือชีวิตที่พระเจ้าอวยพรนั่นก็ไม่ใช่
ไม่ใช่ว่า พระองค์อยากแกล้งให้เราเป็นทุกข์เล่นเสียเมื่อไหร่
แต่แผนการณ์และเวลาของทุกคนมีอยู่แล้ว และพระเจ้าเท่านั้นที่รู้
หน้าที่ของฉันคือแสวงหา ติดสนิท อย่าปล่อยชีวิตให้เลื่อนลอยไปวันๆอย่างไร้สาระ


ตอนบ่าย พ่อกับแม่อยากให้กำลังใจพวกคนเฝ้าบ้านสองคน
เลยพาไปนั่งรถเล่น ไปกันเพลินๆ ไม่ได้ไกลหรือช๊อปกระจายอะไร
ก็ประมาณนี้....
















ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เค้าต้องทำธุระ ได้แวะห้างซื้อของหน่อย
แต่พอหลังจากถ่ายรูปป้ายห้าง กำลังจะเดินเข้า ฉันก็สะดุดขอบปูนเสาอะไรสักอย่างตรงนั้น
น่าจะเป็นพวกเสาป้ายจอดรถ เซไปกระแทกกับเสา ดีนะที่ไม่ล้ม ไม่งั้นคงเจ็บหนัก
กระแทกแรงพอสมควร เพราะปวดตลอดการเดินซื้อของ
แต่กลับมาบ้านก็ไม่เห็นมันจะเขียวหรือช้ำอะไร แค่ปวด ปวดตลอด




มันออกอาการหนักก็ตอนกลางคืนแหละ ปวดจนแขนซ้ายสั่น
คือ ไม่ได้ปวดที่ตรงรอยกระแทกแล้ว แต่ปวดทั้งแขนเลย
มือสั่นจนเหมือนจะหยิบจับอะไรไม่ได้ ไม่มีแรง
กังวลอยู่เหมือนกันว่าเป็นอะไรรึเปล่า แต่ยังไม่ได้ทายาเลย
จนป่านนี้ (จะเช้าวันศุกร์แล้ว) เดี๋ยวจะทาก่อนนอนล่ะ




อ่อ ถึงจะปวดแต่ก็หาเรื่องให้แม่ซื้อไอติมแท่งนี้ให้ล่ะนะ
ฮ่าๆๆ อยากกินบ้าง คราวก่อนไม่ได้สัมผัสเล้ย
ถ่ายรูปแล้วส่งให้น้อง ... แป๊บเดียว เกลี้ยง
คราวนี้เลยขอแทะซ้าหน่อย .. ไม่อยากกินหมด แค่นี้ก็กลิ้งแล้ว อิอิ


...

ส่วนวันนี้วันพฤหัส เค้ามีแคร์ช่วงค่ำ แต่ตอนเช้ามืดฉันนั่งทำซองมือถือเดคูพาจให้แม่
ได้ของแล้วไง เอ้อ ลืมเล่า อิอิ
ได้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกก็มีเหวี่ยงเบาๆในเพจตัวเอง
เพราะรู้สึกเซ็งเล็กน้อยที่แม่ค้าลืม มันก็นานเป็นอาทิตย์ๆเลยนะกว่าของจะได้
เค้าก็คงต้องจ่ายเพิ่มเองด้วย คือส่งด่วน ถ้าส่งลงทะเบียนมันก็ไม่ถึง






รอบนี้ได้สามห่อพอๆกับคราวก่อน แต่ถูกกว่าอีก แล้วได้ของแถมด้วย
เพราะงี้เลยทำของขวัญให้แม่ได้ซักที ท่าทางแม่ก็พอใจนะ






เอาไปใช้เลย ถือไปในประชุมแคร์ด้วย คุณนกทักใหญ่ หุหุ แกชอบงานพวกนี้
(ชอบชมและดู แต่ไม่ได้ชอบทำหรือใช้งาน ฮ่าๆ)




แคร์วันนี้มีเจ้าโนอาห์ตัวจิ๋วมาด้วย ทั้งซนและซ่าตลอดงาน
ขำดี เค้าเป็นเด็กร่าเริง ไม่ค่อยจะร้องหรอก แต่ความซนเลยทำฉันหมั่นไส้
จับมานั่งตักแล้วก็เขย่าตัก เหมือนให้เค้าขี่ม้าอ่ะ นึกออกมั๊ย แต่หันหน้าออกจากตัวเรานะ
แล้วโดนกอดไว้ โวยวายตลอด ฮ่าๆๆ อยากลงไปวิ่งเล่น แต่โดนแกล้ง
กว่าแบตจะหมด วิ่งวนไม่รู้กี่รอบ ทนจริงๆ




ส่วนนนท์กับเบนซ์มา ฉันเลยได้สอนพระคัมภีร์ที่เตรียมไว้ เรื่องดินสี่ประเภท
ฟังเร็วๆ ตอบรับไวๆ อยากเป็นดินดีกันทั้งนั้น
แต่ใจที่จะเป็นดินดี มันต้องโดนไถ พรวน .. ใส่ปุ๋ย
ถ้าเกียจคร้าน ไม่ยอมรับการสั่งสอน มันจะเป็นดินดีได้ยากนะ
หรือจะเป็น แต่เป็นพวกเกิดผล สิบเท่าบ้างก็ไม่รู้สิ


รอบนี้ให้คะแนนเค้าด้วย ให้ทุกอาทิตย์ แคร์ก็ให้
ปลายปีค่อยคิดว่าจะมีของรางวัลอะไรให้
ฉันรู้ว่าชีวิตที่ทำอะไรอย่างมีจุดประสงค์มันดีกว่าแค่เลื่อนลอยไปวันๆแน่ๆ
และถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของเด็กๆ
แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นทั้งหมดที่เค้าต้องการหรอก ...
ปลายทางนั้นหอมหวาน แต่ระหว่างทาง เธอจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง

 

 

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

..เล่นกับไม้ไอติม ..

มาแล้วจ้ามาแล้ว
แบบว่าพักนี้ไม่ค่อยมีรูปถ่าย เลยไม่ค่อยเล่า
คือไม่อ้างหรอกนะว่าติดเกมส์อ่ะ เพราะเล่นตลอด แต่ไม่ติด =.=
(ยังไงๆก็ไม่รู้เนอะ เหอๆ)


มาเล่าย้อนหลังตั้งแต่วันอาทิตย์กันเลยดีกว่า
(รวมแล้วแค่สองวันเอง ..)


...

วันอาทิตย์สอนเด็กๆทำที่คั่นหนังสือจากไม้ไอติม
จะเปลี่ยนเป็นของเล่นก็ได้ .. เป็นตุ๊กตาตัวบางที่เราทำเองได้




ขั้นแรกก็ทำ washi tape ไว้ก่อน
ทำไปทำมาชักโลภ อยากทำหลากหลาย แต่ก็หวงผ้า
ผ้าเนื้อดีที่อาอ้อส่งมาให้มันเป็นอะไรที่แพงไปถ้าจะเอามาทำงานตัดแปะ
ไม่ใช่อะไรหรอก สำหรับฉันงาน DIY ถ้าไม่ต้องอะไรเว่อร์มันก็รู้สึกโอเคกว่า
(ถ้าเว่อร์จากผลงานก็พอได้ แต่ถ้าเว่อร์จากวัสดุนี่มันพิลึกไปนิด)


ก็ตามที่มีผ้า พวกนี้จะสามหลาร้อย มีหลายชิ้นอยู่เหมือนกัน
ก็เลยได้หลายลาย
แต่ตอนวาด ไม่ยักจะง่ายเหมือนตอนเราดูของเค้า
สนใจต้นฉบับก็คลิกไปดูได้จ้า






นี่ก็คือที่ฉันทดลองทำ ได้ออกมาประมาณนี้
ไม่อยากบอกว่า ใช้เทปผ้ามันก็แนวดี
แต่พอถึงคราวจะให้เด็กทำ เอากระดาษจะดีกว่า ตัดง่าย แปะง่าย
ซึ่งก็ง่ายจริงๆ แล้วผลงานก็น่ารักซะด้วย...












ตอนสอนครั้งแรก เอสยังไม่กลับจากไปสอบ
มีนนท์ อาร์ม จ๋า กับน้องใบเตย(กลับไปก่อนจะถ่ายรูปไว้)
แต่ขำดี พอนายเอสมา ก็ไล่ตามทุกคนทัน
แถมผลงานยังแจ่มซ้า ( แต่ก็แจ่มจริงนะ)




ภาคบ่ายหลังอาหารเที่ยงฉันก็ให้คะแนนเพิ่มสำหรับคนขยันไปเก็บขยะ
คุณเอสนี่หิ้วถุงไปเก็บแบบฉายเดี่ยวเลยนะ กำลังดีใจมั๊ง
ที่รู้ว่าคะแนนนำชาวบ้านหมด
ส่วนคุณนนท์ พอรู้ว่าเอสนำ ก็เลยหันไปบอกแม่ว่าจะมาโบสถ์ทุกอาทิตย์ล่ะ
อันที่จริงไม่ได้อยากสร้างแรงจูงใจแข่งขันอะไรกันหรอก
แต่อยากให้เค้าได้ทำอะไรๆอย่างมีความรับผิดชอบ
การเรียนตั้งใจมั๊ย? ทำงานศิลปะอย่างใส่ใจรึเปล่า?
เรียนรู้จะจดจำท่องข้อพระคัมภีร์ได้รึยัง
และแบ่งเวลาเพื่อส่วนรวมเป็นใช่มั๊ย?


เสียดายก็ช่วงบ่าย ฉันกลับเข้ามาป้อนไอติมทอดกับขนมให้น้อง
แล้วก็หลับป่อกยาวเลย
ทั้งที่นัดนนท์ไว้แล้วว่าจะไปถ่ายรูปกระเป๋ากระท่อมด้วยกัน เหอๆ
ตื่นอีกทีแดดหายหมดแล้ว - -" แบบว่าเซ็งตัวเองมากๆอ่ะ




อ่อ นนท์หาของฝากมาให้อีกแล้ว ฮ่าๆ
มาไงไม่รู้ เป็นตุ๊กตาหน้าสวยแต่ขาหลุด =.=
ก็เอาเห๊อะ มัดยางติดไว้ได้ ยังไงครูก็ชอบบบบบ อิอิ


...

อ่อ ลืมเล่า ซื้อโปสการ์ดมา เป็นของโครงการกองทุนเวลา ของสยามอารยะ
เค้าขายแผ่นละสิบบาท มากันแบบต้นทุนเลย
แต่ฉันซื้อแผ่นละสิบห้า .. เพื่อสิ่งดีๆเพื่อสังคม ถือเป็นการคืนกำไรให้สังคมล่ะนะ




แต่ซื้อแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครดี
เอาไปอัพในแฟนเพจ แต่ไม่มีใครตอบรับ ต้องแท๊กไว้อื้อ ..
แล้วเป็นไง มากดไลค์ แต่ไม่ส่งที่อยู่มา
แล้วฉันจะส่งให้ใครล่ะเนี่ย? =.=


...

ส่วนวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ
คิดจะดราฟท์สามสาวที่เค้าให้ลองทำให้เสร็จ เหลือแต่คอเสื้อแล้วล่ะ
แต่มันง่วงจัง ช่วงหัวค่ำนอนเค้งเก้งไปนิด น่าจะเรียกว่างีบ
เพราะน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง


ตื่นมาก็ทำแบนเนอร์อันโตให้ป้ากบ เผื่อจะสนใจเอาไปอัพในเฟซบุคส่วนตัว
ทำไฮไลท์ก็พอดีดีด้วย แต่ถ้าไม่สน ก็ถือว่าฉันได้ทดลองทำอะไรสนุกๆ




กลางดึกไปย้อมผมแม่ เสร็จแล้วก็หยิบสตรอฯมากิน
เค้าไปแม็คโครกันช่วงหัวค่ำ พ่อเลยซื้อมาฝาก
ถูกใจ๊ถูกใจ
ถ่ายรูปสตรอฯไม่พอ ถ่ายรูปตัวเองด้วย
แต่เห็นแล้วว่า ... เอ่อ ไม่ค่อยน่าดู
เวลาหน้าเราปราศจากเครื่องสำอางงค์นี่มันหลอนๆดีนะ อิอิ
(ถึงมีก็ไม่ใช่ว่าจะงามเลิศ ฮ่าๆๆ)




เลยดราฟท์ภาพตัวเองเล่น ... สิ่งที่เติมให้จากต้นฉบับ
คืออายไลเนอร์ ซึ่ง ... วาดง่ายกว่าวาดจริงๆบนเปลือกตามาก
ขำดี ถือว่ามีงานดราฟท์ให้อัพอีกรูป อิอิ




แต่อย่าว่างั้นงี้เลย .. เอาต้นฉบับกับภาพดราฟท์มาเปรียบเทียบกัน
ในความเป็นจริงฉันก็พอใจในหน้าตาตัวเองแล้ว
ใครจะติว่าโทรมก็เรื่องของเค้า
แต่สำหรับงานIllustration ฉันก็พอใจในระดับนึงล่ะ


ว่าแล้วก็ไปนอนดีกว่า จะแปดโมงแล้ว ..ฮ้าว


ปล. ตอนเย็นเค้าจะไปงานไว้อาลัยที่ภูเก็ต ..
เมื่อผู้เชื่ออีกคนต้องจากไป แม้เรารู้ว่าปลายทางของเค้าอยู่ที่ไหน
และเราจะได้พบกันอีกในที่สุด
แต่ที่เราเสียใจ เศร้าใจ ก็เพราะว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้วบนโลกนี้

 

 

Related Posts with Thumbnails