“มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นเค้ายังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีข้างในใจ เรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกล..ตัวเรา ”
welcome

Lilypie Next Birthday Ticker

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

..The Rainbow..

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่กลับมาเขียนไดอารี่แบบนี้
แบบไหน..? อืม ก็แบบที่ยังไม่ได้ต่อเนตออนไลน์น่ะสิ


ก่อนจะมี ADSL ฉันใช้เนต56k
และแน่นอนว่าทุกครั้งที่ต่อเนต มันจะจำกัดเวลาใช้งาน
สักพักเนตก็หลุด ต้องต่อใหม่ๆๆ ร่ำไป


ทำให้การเขียนไดอารี่ที่ต้องใช้เวลาในการคิดไม่เพียงพอกับช่วงเวลา
ดังนั้น ฉันมักจะพิมพ์ใส่Notepad เอาไว้ก่อนเสมอ เซฟไว้ไฟล์หนึ่ง
พอต่อเนตได้ ฉันก็จะก๊อปข้อความเอาไปใส่ ..กดเซฟ เสร็จ รวดเร็ว


ฉันเรียกวิธีนั้นว่า "เขียนที่บ้าน"
แต่คนอื่นมักไม่เข้าใจ เพราะยังไงคอมพ์มันก็อยู่ที่เดิม
ที่ต่างก็คือ เขียนก่อนจะออนไลน์ยังไงล่ะ..นั่นล่ะ.. อาจเป็นเหตุผล
ที่ฉันรู้สึกว่า มันเป็นความตั้งใจมากกว่าปัจจุบันมากนัก
มันเป็นความใส่ใจ บ่งบอกถึงการเตรียมการเป็นอย่างดี
ตักตวงทุกช่วงเวลาอย่างมีค่ามากที่สุด



แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวไปอีกขั้น เนตความเร็วสูงต่อมาถึงบ้าน
จ่ายห้าร้อยกว่าบาท อยากจะออนไลน์วันละ24ชั่วโมงก็ตามแต่ใจ
เมื่อนั้น.. ที่ฉันเริ่มออนไลน์ไปเขียนไดอารี่/บล๊อก ไปด้วย
บางวันก็มีสมาธิ บางวันก็ไม่มีเลย ..
แม้ว่า จริงๆแล้ว การเขียนบันทึกชีวิตประจำวันอาจไม่ได้มีประโยชน์อะไร
แต่การทำอะไรไปส่งๆ อย่างไม่ได้ใส่หัวใจลงไป ..
..มันก็มักไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่ ..


ส่วนเหตุผลที่ทำไมวันนี้ฉันกลับมา "เขียนที่บ้าน"อีกครั้ง
นั่นก็เพราะ เนตเสียตลอดวัน และไม่รู้ว่าจะเสียไปอีกนานแค่ไหน
มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ..ชีวิตที่ไร้การออนไลน์มันค่อนข้างจะแปลกดี
เพราะฉันคุ้นเคยกับการต่อเนตไว้เกือบตลอดเวลามานานแล้ว
แต่.. เมื่อฉันหันกลับมามองอะไรๆที่ฉันสามารถทำได้โดยไม่ต้องนั่งหน้าจอ
มันก็มีมากมายจนน่าตกใจ .. อะไรหลายอย่างที่ฉันควรจะทำแต่ไม่ได้ทำ
อะไรหลายอย่างที่ถ้าฉันไปทำมันก็ได้ประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่นอีก..


ดังนั้น บันทึกความชื่นใจของฉันวันนี้ คือ แม้ว่าเนตจะเน่า
แต่ชีวิตฉันไม่ได้เน่าตามไปด้วยหรอกนะ กลับได้ทำอะไรๆเพิ่มมากขึ้นอีกต่างหาก
ก็ไม่แน่.. มันเป็นโอกาสให้ฉันได้ลด ละ เลิก เกมส์ไปบ้าง


...........


ขึ้นต้นยาวมาก..ว่ามั๊ย 555
อย่างนี้แหละ พอไม่ได้แชท มันก็เลยมีเวลาจะคิดและพล่ามยาวเหยียด


ช่วงนี้ที่นี่ฝนตก วันนี้ฝนก็ตก แต่ไม่หนัก ไม่มากมาย
ตอนที่ฉันไปส่งพ่อที่ บขส. เห็นฟ้าครึ้มมืดมาแต่ไกล
คิดห่วงอยู่ว่าจะกลับบ้านทันก่อนฝนตกรึเปล่า.. แต่ก็ทัน


กลับมาถึง ก็มีลูกค้าอยากดูห้อง พอพาขึ้นไปดูห้อง
เลยเห็นว่า มีบางห้องที่มักง่ายกวาดขยะออกมากองเอาไว้อีก(แล้ว)
ลมแรงๆพัดเศษฝุ่นผง ขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนบันได
แต่นั่นล่ะ.. เมื่อวานฉันไม่ได้กวาดเอง
พอส่งลูกค้ากลับฉันก็ไปทำความสะอาด


วันนี้ไม่มีกล้อง ให้พ่อเอาไปกทม.ด้วย
คราวก่อนพ่อเอาไป ถ่ายบ้านคุณย่า ถ่ายรูปสวน ถ่ายคุณย่า
แต่เพราะอะไร.. ทำไมฉันมองภาพเซตนั้นแล้วรู้สึกเศร้า
เพราะว่าฉันไม่ได้คุยกับคุณย่านานแล้วล่ะมั๊ง
ถ้าเราให้ความใส่ใจกันน้อยลง ความห่างเหินก็เพิ่มมากขึ้น..
เพราะงี้ ก็เลยคิดว่า จะเขียนจดหมายหาคุณย่าเหมือนที่พ่อแน
ะมั่งล่



ก็เพราะไม่มีกล้องนี่ล่ะนะ เลยใช้มือถือแทน
รู้ดีว่า มือถือฉันมันความละเอียดต่ำ แต่ก็..คนมันอยากถ่าย
แถมยังรู้อยู่ว่าเนตเสีย ยังไงก็คงไม่ได้อัพโหลตออนไลน์ง่ายๆ
แต่..... ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ 
พอฉันหยิบมือถือมากดถ่ายฝั่งที่เมฆดำทะมึนมาจากทะเล
แปลกที่กลางทะเลไม่มีเมฆเลย ..หรือว่าจะพัดผ่านเข้ามาแล้วหว่า
ทั้งฟ้าร้อง ฟ้าแลบ (อันนี้ถ่ายรูปไม่ทัน นึกเสียดายจัง -.-)
แต่หันกลับมาอีกฝั่ง กลับมีสายรุ้งพาดผ่านบนท้องฟ้า
จำได้ว่าคราวก่อนฉันพยายามใช้กล้องถ่ายรูปสายรุ้งให้หมด แต่ก็ทำไม่ได้
ไม่ใช่กล้องพาโนรามาด้วยล่ะมั๊ง ..หรือยังไงก็เหอะ
..ภาพที่ตามองเห็นมันงดงามกว่าที่กล้องจะเก็บไว้ได้มากมาย..


ฉันเดินลงมาจากชั้น5ด้วยความอิ่มเอมใจ
สายรุ้งทำให้ฉันรู้สึกดี ..
เพราะรุ้งในความหมายของพระคัมภีร์ เป็นเรื่องของพันธสัญญา
ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์..
พระเจ้าน่ารัก พระองค์มีวิธีที่จะหนุนน้ำใจฉันเสมอ


ปัจฉิมลิขิต : วันนี้โทนสีดำ เทา ขาว.. สีคลาสสิคนะเออ

Related Posts with Thumbnails