“มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นเค้ายังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีข้างในใจ เรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกล..ตัวเรา ”
welcome

Lilypie Next Birthday Ticker

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

..Don't Let Your Emotions Make You Do Anything Stupid ..

อย่าพูดว่า ขี้เกียจ เพราะมันจะกลายเป็นขี้เกียจจริง ๆ
อย่าพูดว่า ยอมแพ้ เพราะมันจะถอดใจยอมแพ้เข้าจริงๆ
อย่าพูดว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะความหวังที่เป็นไปได้จะเหลือศูนย์ ..


อย่าพูดแง่ลบ เพราะ หูของเรา จะเชื่อสิ่งที่ปากเราพูดออกมา


((อัพเสตตัสใน FB ไว้แบบนี้ เพราะประสบการณ์ที่เดี๋ยวจะเล่ามันทำให้ต้องคิดและพยายามทำให้ได้))


...

จากที่วันก่อนเล่าถึงกำลังจะทำโต๊ะวางจักร
ก็ตั้งใจจะทำให้ดีๆ สวยๆนะ อย่างเนี่ยที่เอารูปมาให้ดู
เป็นขั้นตอนที่ก็ไม่ได้ละเอียดอะไรนัก จะทำง่ายๆกัน
พ่อเป็นคนประกอบขาโต๊ะให้ แล้วก็เอาแผ่นไม้มาทาสีไว้ให้
คือจริงๆ ฉันอยากจะขัดกระดาษทรายก่อน แต่พ่อใจร้อน แล้วก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรนัก
พอมาลงสี พ่อทาให้สองรอบแล้ว ฉันมาทาอีกสี่รอบ








แต่คือ ไม้มันมีร่องมีรู ถ้าเราอุดไม่หมด ทาสีกลบไม่หมด ก็น่าเป็นห่วงเรื่องมอด
แต่ตอนนั้นฉันก็ทาสีไปแล้ว ลงแนพกิ้นไปแล้ว(ใจร้อน อยากให้เสร็จ)
พอแม่มาเห็นก็มาช่วยอีก แรกๆแค่เอากาว เอาสีทาร่องรอยด้านข้างให้มันเชื่อมติดกัน
(ใช้ไม้อัดสองแผ่นตอกติดกัน) ทีนี้เค้าก็เลยเห็นว่าตรงด้านหน้าที่ติดแนพกิ้นไปแล้ว(แถมลงวานิชไปแล้วรอบนึง)
มันยังมีรูเล็กๆ มีร่องรอยที่เค้าห่วงเรื่องมอด .. เลยพยายามจะโป๊สี
แต่ฉันก็เตือนไปแล้วว่าปล่อยยาวไปเลย เพราะฉันลงวานิช(ที่ได้มาตอนเรียนเดคูพาจ)ไปแล้ว
และถ้าเอาสีมาโป๊ข้างบนอีก เกรงมันจะเป็นการผิดขั้นตอน
แม่ก็รับปาก แต่พอฉันออกไปอีกที ก็เห็นร่องรอยที่เค้าแอบทำ =.=
ตอนแรกมันไม่มีอะไรหรอก แต่สักพักสีมันแตก ไม่รู้ว่าเพราะสีมันผสมน้ำเยอะไปด้วย
หรือจะเพราะมันผิดขั้นตอนจริงๆ .. พาฉันเสียหัวเลย คือ เราขอไว้แล้ว แม่ก็รับปากแล้ว
แต่ยังจะทำ .. เป็นอะไรที่ เซ็ง


พอทุกอย่างแห้ง จะลงวานิช เปิดขวดวานิชที่พ่อซื้อมาเทใส่แก้ว เอ้า สีเหลือง
เป็นวานิชที่เค้าใช้ทาสีไม้กันอ่ะ และแน่นอนว่าถ้าทาลงไปจริงมันต้องมีสีเหลืองแน่
ในขณะที่ฉันลังเล และยังเซ็งเรื่องเมื่อกี้อยู่
พ่อก็บอกว่า "ทาไปเถอะ เหลืองบ้างก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็ต้องเอาจักรมาวางทับอยู่ดี"
ฟังแล้วยิ่งเสียหัวหนัก .. เพราะอยากให้มันสีใสสวย แต่มาพูดแบบนี้
เหมือน กับว่า ให้ทำๆไปเหอะ เพราะวานิชที่เหลือตอนเรียนมันก็น้อยมากแล้ว
ดังนั้น ก็ใช้ที่ซื้อมานั่นแหละ

ฉันก็เลยทาเลย ใช้อารมณ์ไปกับเรื่องที่มันไม่น่า
ทาแล้วเป็นไง .. เป็นน่าเกลียดไง ไม่เอารูปมาให้ดูด้วย
กลายเป็นสีเหลืองๆ คราบๆ เก่า บอกไม่ถูก
กลายเป็นแผ่นกระดานที่มองเมื่อไหร่ก็เจ็บปวด


งานนี้ฉันพูดเล่ามาเหมือนโทษพ่อแม่ แต่ขอบอกว่า ฉันมาสรุปเรื่องนี้ว่า
ฉันผิดเอง เพราะถ้าฉันตั้งใจให้มันเป็นอย่างที่ฉันเชื่อว่าฉันทำได้
ฉันก็ไม่ควรใช้อารมณ์ในการทำงาน เพราะแม้ว่าคำพูดของใครจะผ่านเข้ามาในหูฉัน
แต่ถ้ามันขัดกับสิ่งที่ฉันเชื่อ มันก็ไม่เป็นที่ฉันต้องทำจริงป่ะ?


ส่วนแม่ ฉันต้องไปเคลียร์กับแม่ ตอนแรกเค้าก็บอกว่า "ต่อไปจะไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นแล้ว"
ซึ่งมันไม่ใช่ ประเด็นไม่ใช่แม่มายุ่ง ฉันดีใจเสียอีกที่แม่มาช่วยทาสีทากาวเชื่อมด้านข้าง
ช่วยเช็คความเรียบร้อย แต่ประเด็นมันอยู่ที่ เค้าไม่ฟัง และนี่ทำให้ฉันเสียความรู้สึก
ไม่สิ เสียความมั่นใจ มันเหมือนคำพูดฉันไม่สำคัญเท่าความคิดที่เค้าคิดว่าถูก


บางครั้งชีวิตเราต้องฟังกันบ้างนะ ฟังไม่ใช่แค่ใช้หูฟัง
แต่ฟังความต้องการ กล้าที่จะเชื่อมั่นในอีกคนบ้าง
ถ้าเชื่อแต่ความคิดตัวเอง มันก็แสดงว่า คนอื่นไม่เอาไหน (ฉันคิดแบบนี้อ่ะ)


แม่ก็ยอมรับในส่วนนี้ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน
บอกตามตรงว่า ฉันอาจไม่เสียเวลาพูดหรือเคลียร์ด้วยเลย
คือ การกระทบและถอดเปลือกความรู้สึกมาคุยกัน บางครั้งมันออกจะเจ็บปวด
มันเสียหน้า และมันคือเรื่องที่ถ้าเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ .. ให้ได้จริงๆ
ถ้าผ่านไปแบบไม่พูด มันก็จะอึมครึม และสถานการณ์แบบนั้นมันไม่ควรมีในครอบครัว


สิ่งที่ฉันได้รับในเรื่องนี้คือ สิ่งที่แม่สอนซึ่งถูกต้องมาตลอด แต่ฉันเองก็ไม่ได้ฟัง
"ทำอะไร อย่าใช้อารมณ์"


...

เอาเรื่องแมวๆ หมาๆ มาขั้นต่อนิดนึงเนอะ
แบบว่า ตอนแรกเกือบจะหัวเสีย(อีกแล้วเหรอ?) แต่ก็มาขำก๊ากกันในที่สุด
คือ เย็นวันจันทร์ พ่อเจอคนเอากระเป๋าใส่แมวมาตั้งทิ้งไว้ที่ทางเข้าด้านหลัง
ไม่สิ จะเรียกว่า หน้าบ้านฉันจะถูกกว่า เอามาตั้งไว้ในส่วนของห้องจอดมอไซด์
แมวตั้งห้าตัว แต่ตอนพ่อไปเจอน่ะ เหลือแต่กระเป๋าแล้วนะ
คุณแมวๆทั้งหลาย ได้พากันอพยพมาอยู่ที่ด้านหลังแท๊งน้ำเรียบร้อยแล้ว
มาอยู่ตรงเครื่องปั๊มน้ำหลังห้องนอนด้วย ร้องกันระงมไปทั้งคืนเลยคืนนั้น


พ่อก็พยายามไปไล่ แต่ลูกแมวมันเล็กมาก เลยหนีไม่เป็น
จนเช้าวันพุธ ไปเจออีกทีที่ด้านหลังโรงรถ(ยนต์)
เช้าวันที่ฉันไปทำเดคูพาจโต๊ะนั่นแหละ


จริงๆก็รู้แล้วว่าลูกแมวมาอยู่ตรงนั้น แต่ที่ได้ยินเสียงแปลกประหลาดอีกอย่าง
ก็คือ ได้ยินเสียงหมาเห่าใกล้ๆ ที่ไหนได้ หมาบ้านข้างๆ ไม่ชอบแมวอย่างมาก
มันได้กลิ่นแมวเลยมาปีนรั้วจ้องหาเรื่อง












แต่เรื่องยังไม่จบ เช้านั้นเจ้าโหน่งแวะมาคุยกับพ่อ
ขำที่พอโหน่งมา แม่แมวก็มาเดินตามโหน่งเฉยเลย
ทั้งที่ตอนมันเจอกับพ่อ กับฉัน มันวิ่งหนีนะ












ก็เลยคิดว่า คงต้องผูกมิตรกับเจ้าแมวพวกนี้ก่อน(ค่อยวางแผนเอาไปปล่อยทีหลัง)
เลยเอาข้าวเกรียบปลาไปเวฟ แล้วก็เอาไปให้
แต่มันไม่กิน ฉันวางชิ้นเดียวมันไม่สน
โน่น แขกผู้มาเยือนเค้าเอาไปป่นๆแล้วโรย ลูกแมวมา แม่แมวมา กินกันใหญ่
ส่วนคนให้อาหารแมว นอกจากจะเอาให้แมวกินแล้วก็ยังหยิบใส่ปากตัวเองด้วย
หนักๆเข้า กินมากกว่าให้แมวอีก =.=












แต่ก็โอเคนะ เพราะเค้าช่วยพ่อเอาเจ้าแมวทั้งห้าไปปล่อย ..
ว่าแต่ปล่อยที่ไหนต่อก็ไม่ทราบ


ถ้าเป็นก่อนนี้ อาจจะอยากเลี้ยง แต่พอนานวันเข้า ภาระอะไรมันก็มาก
ความเข้าใจความจริงเรื่องนึงคือ สภาพแวดล้อมไม่อำนวย
เลยไม่อยากสร้างภาระเพิ่ม


...

ส่วนเมื่อวาน(พฤหัส) ชวนแม่ไปซื้ออุปกรณ์งานช่างไม้
ว่าจะไปกันตั้งแต่สายๆ แต่กว่าจะได้ออกจากบ้านบ่ายโมงกว่า
ไปร้านเฟอร์นิเจอร์ในเมืองก่อน ไม่มีของที่ต้องการ
เลยไปบิ๊กซี เข้าโฮมโปร มีทุกอย่างที่ต้องการ ..




รอบนี้พาน้องไปด้วย เลยได้รู้ว่าลิฟต์อยู่ตรงไหน
ไปคราวหน้าสบายล่ะ เอิ๊กๆ


ได้ของจากบิ๊กซีแล้วก็ไปโลตัสต่อ
ที่จริงอยากไปมุมเครื่องเขียนกับของเล่น โลตัสใหญ่มีของเยอะกว่าบิ๊กซี
รอบนี้เลยได้ของลดราคาบ้าง ของขวัญชาวบ้านบ้าง .. ก็โอเคนะ
กว่าจะกลับบ้านกันเกือบห้าโมงเย็น เดินมาราธอนกันเลย


แปลกดีที่พาน้องไปทีไร มักจะเจอพวกพ่อแม่ไม่ก็คนในครอบครัวของเด็กที่คล้ายๆน้อง
แต่แทบทุกคนที่มาคุยด้วย จะบอกว่า ลูกหรือหลานเค้าคนนั้นไม่อยู่แล้ว
จากโลกนี้ไปแล้ว .. ฟังแล้วเหมือนเด็กพิการทางสมองหลายคนอายุไม่ยืน
อย่างเมื่อวาน เป็นรปภ.ของบิ๊กซี เป็นผู้หญิง
เค้ามาทักน้อง "วันนี้น้องมาเที่ยวบิ๊กซี..." ก็เลยคุยกับแม่นิดนึง
เค้าถามอายุน้อง แล้วก็บอกว่า มีหลานเป็นเหมือนกัน แต่เสียไปแล้วเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน
เค้ายังบอกแม่ว่า น้องโชคดี ดูมีความสุข


มันทำให้ฉันคิดว่า คนเราจะอายุยืนยาวนาน เรื่องสุขภาพกายนั้นสำคัญ
แต่มากกว่านั้นคือสุขภาพจิต


...

ส่วนข้าวของที่ได้มาเมื่อวาน ทั้งอุปกรณ์ช่างกับเครื่องเขียนก็ครบที่ต้องการนะ
ไปเจอบาร์บี้ลดราคาอีกแต่ไม่ได้ซื้อ เพราะลดจากแปดร้อยเหลือสี่ร้อยก็ยังแพงอยู่
ไปยืนหยิบๆเลือกๆ แต่โดนเบรค ก็คนเดิมแหละ .. คุณนายแม่








ของอีกอย่างที่หามาหลายร้านแล้วเพิ่งได้ คือกระจกขยาย
เมื่อวานเลยเอากลับมาส่องกันสนุกไป
(แต่รู้สึกแม่จะชอบมาก เอาไปไว้ใกล้ๆตัวเองเลย เอิ๊กๆ


Ps. บล๊อกวันนี้เป็นอะไรที่อัพนานจัง พิมพ์ไปหลับไป
แปะรูปไปก็หลับ จะก๊อบมาแปะก็ยังหลับ สับปะหงกตลอดเลย

 

 

Related Posts with Thumbnails