เคยมั๊ย ..ที่ยังไม่ทันทำอะไรก็เหนื่อยแล้ว
มันไม่ใช่เหนื่อยกายนะ แต่เหนื่อยใจ
ฉันหงุดหงิด ฉันสับสน ฉันแทบจะคลุ้มคลั่ง
อารมณ์ที่ทั้งเศร้า เครียด อิจฉา น้อยอกน้อยใจ
มันตีกันมั่วไปหมดในสมองและจิตใจฉัน
เพราะพูดแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคนจะฟังเราได้ทุกเวลา
แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดหรอก..
ฉันพบสาเหตุนั่นแล้ว
นั่นเพราะฉันคิดว่าฉันเหนื่อยหนักหนา
การไม่ได้นอนทั้งคืน แต่กลางวันก็นอนยาวเหยียด
ชนิดที่พ่อจะฝากดูน้องมันก็มานอนเฝ้าน้อง
จนพ่อที่ต้องออกไปส่งแม่ทำธุระต้องกลับมาดูน้องเอง
-*- แล้วฉันที่ตื่นขึ้นมาก็ปวดหัว เอาแต่บ่นๆๆ
พูดแต่แง่ลบ เพราะแค่ไม่ได้ทำอย่างที่ใจต้องการ
แต่ความจริงมันมีเบื้องลึกมากกว่านั้น..
ไม่ใช่มาจากคนอื่น
ไม่ใช่มาจากสถานการณ์แวดล้อม
ไม่ใช่เพราะการกระทำของคนรอบข้าง
แต่.. เพราะฉันไม่ได้ใช้เวลาเข้าเฝ้าและใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า
ฉันอยากได้เวลาวันละ 30ชั่วโมง
ในขณะที่ฉันใช้เวลากับการทำเรื่องไร้สาระมากกว่า 12ชั่วโมงต่อวัน
นั่นไม่ใช่การเล่นแต่เกมส์หรือแชท ดูหนัง ดูการ์ตูน คุยโทรศัพท์
นั่นเป็นแค่กิจกรรม เพราะความจริงมันก็แค่นั้น
การจัดแบ่งเวลาและให้ความสำคัญของฉันมันผิดเพี้ยนไป
เพราะความคิดที่ว่า........
"ต้องการอะไรทดแทน"
ฉันทดแทนการไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอก ไม่ได้ไปช๊อปปิ้ง
ไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรก็ตามที่ตามใจตัวเอง
ที่ออกไปให้ห่างจากบ้าน จากงาน จากคนในครอบครัว
และฉันทดแทนมันด้วย .. การใช้เวลาผิดๆ
เล่นเกมส์เรื่อยเปื่อย ใช้เวลากับการดูโน่นนั่นนี่
เมื่อปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคนไร้ปัญญา
การจะกลับไปติดสนิทกับพระเจ้า กับพระปัญญาของพระองค์ ก็กลายเป็นเรื่องที่ต้องแบ่งเวลา
แบ่งเวลา !!! จากเรื่องไร้สาระน่ะนะ ????
ช่างน่าละอายซะเหลือเกิน
ฉันเป็นคนอ่อนแอ ฉันเป็นคนบาป และปรารถนาจะเหมือนพระเยซูมากขึ้นในทุกวัน
แต่แม้ภาษาอังกฤษ เราก็ต้องใช้เวลากับมันและฝึกฝนจึงจะเข้าใจมากขึ้นและเก่งได้
การที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราที่มันหมองหม่นให้ถวายพระเกียรติพระเจ้า
ให้สมกับที่พระองค์ได้ทรงเสียสละพระชนม์ไถ่ฉันจากความบาป รอดจากความตาย
มันต้องยอมตายต่อตัวเอง .. ตายตัวบาป ละทิ้งตัวเก่า ตัวที่ชอบทำตามใจตัวเอง
ตัวที่ให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางทุกสิ่ง ตัวที่เห็นแก่ตัว ตัวที่รักสนุกแต่ไม่รักพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่วันก่อนพ่อบอกว่าให้ท่องข้อพระคัมภีร์ เอเฟซัสบทที่1
พ่ออยากให้ท่องได้ทั้งบท ไม่ใช่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ไม่ใช่ท่องไปเพื่ออวดคนอื่นว่าเราเก่งความจำดี
แต่ท่องเพื่อให้เรารับรู้ถึงความจริงที่พระคัมภีร์บอกเรา
แล้วพอวันนี้ วันที่ฉันรู้สึกเหนื่อยใจ
ฉันก็เสาะหาข้อพระคัมภีร์ที่จะหนุนใจตัวเอง
แต่เจอพระคัมภีร์ที่บอกเตือนอย่างตรงไปตรงมาให้ฉันกลับใจใหม่
"ถ้าแม้ท่านได้ฟังเรื่องพระองค์
และได้รับการสอนโดยพระองค์ตามความจริงซึ่งมีอยู่ในพระเยซูแล้ว
ท่านจงทิ้งมนุษย์เก่าของท่านซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย
อันจะเสื่อมเสียไปตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง
และจงให้จิตวิญญาณของท่านเปลี่ยนใหม่
และให้ท่านสวมมนุษย์ใหม่ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า
ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
เหตุฉะนั้นท่านจงเลิกพูดมุสาเสีย และ `จงต่างคนต่างพูดความจริงกับเพื่อนบ้าน'
เพราะว่าเราต่างก็เป็นอวัยวะของกันและกัน
`โกรธก็โกรธเถิด แต่อย่าทำบาป' อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่
และอย่าให้โอกาสแก่พญามาร
คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีๆกว่า
เพื่อจะได้มีอะไรๆแจกให้แก่คนที่ขัดสน
อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดี
และเป็นประโยชน์ให้เกิดความจำเริญเพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง
และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย
เพราะโดยพระวิญญาณนั้นท่านได้ถูกประทับตราหมายท่านไว้จนถึงวันที่ทรงไถ่ให้รอด
จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดเสียดสี
กับการคิดปองร้ายทุกอย่าง อยู่ห่างไกลจากท่านเถิด
และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กันเหมือนดังที่
พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้ท่าน เพราะเห็นแก่พระคริสต์"
เอเฟซัส4:2132
เพราะเมื่อเราเริ่มคิดว่าตัวเองพอแล้ว สมบูรณ์ดีแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้ว
นั่นคือ ...... ความว่างเปล่า เปล่าเลย ไม่ใช่เลย
เพราะแท้จริงเราขาด สิ่งที่สำคัญที่สุดไป
เพราะเมื่อเราหันหลังให้ความสว่าง ความดำมืดก็คืบคลานเข้ามาแทนที่
แผนที่ตั้งใจขึ้นใหม่
- เขียนตารางเวลา
- ใช้เวลากับเรื่องสนุกสนานแต่ไร้สาระให้น้อยลงที่สุด
- กลับใจใหม่ทุกวัน
- อธิษฐานมากๆๆๆขึ้น
- คิดถึงเวลาวันสุดท้ายให้มากขึ้น คิดถึงคนอื่นมากขึ้น อธิษฐานเผื่อเค้า
-สุดท้ายที่คิดได้ตอนนี้ .. อย่าคิดแง่ลบกับใครทั้งนั้น
อธิษฐาน ถ้าจะมีคำพูดหรือความคิดแง่ลบหลุดเข้ามา