ช่วงนี้เป็นอะไรที่ไม่ได้ทำผลงานอะไรสักอย่าง
จริงๆก็ไม่ใช่ผลงานอะไรเหมือนกันแหละ
แค่ ทำงานลูกปัดชิ้นเล็กๆสักอย่างสองอย่าง
ตัดเสื้อผ้าตุ๊กตาแบบเบี้ยวๆ ไม่สะไม่สวยสักชุด
หรือทำอะไรต่ออะไรเล็กน้อยเหลือเกิน..
แต่ทั้งหมดก็แค่เพื่อลูบใจว่า เราก็มีอะไรทำเหมือนกันนะ
อาจเพราะงานที่ทำอยู่ มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า
ดูแลเด็กพิการตัวเล็กๆ กับ งานแม่บ้านทำความสะอาดอพาตรเมนท์
แต่อย่างแรกเป็นงานหลัก ซึ่งก็เหมือนกับ(ฉันอาจรู้สึกเอง)ว่า
มันไม่ได้มีผลงานอะไรให้เห็น
แต่อีกมุมหนึ่งที่ลืมไป(แต่ก็นึกขึ้นได้ในที่สุดทุกที)ก็คือ
ไม่ใช่อายุที่เพิ่มขึ้น ที่ทำให้ใจเย็นลง
ไม่ใช่วุฒิภาวะทางอารมณ์เติบโตขึ้นตามวัย
แต่เพราะการได้เรียนรู้จักการดูแลคนอื่น ปรนนิบัติ เอาใจใส่
ได้เรียนรู้การดูแลอย่างที่ไม่ได้รับอะไรตอบแทน
นั่นล่ะ..สิ่งสำคัญที่ฉันได้จากการดูแลน้อง
สิ่งที่พระเจ้าสอนฉัน เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังไม่แจ่มชัดในทางข้างหน้า
เพราะฉันมักจะใช้กำลังตัวเองเขม้นมอง แต่ไม่ได้มีแสงสว่างอยู่ในมือ
สายตาเราต่อให้ดีแค่ไหน เมื่ออยู่ในความมืดสนิท ไร้แสงไฟ ..มันก็อันตราย
ว่าแล้วก็ต้องตัดสินใจกับตัวเองว่า ..
จะลุกขึ้นจากความฝันหวานบ้าๆบอๆที่จินตนการขึ้นเองไปเรื่อยเปื่อยบ้าง
กลับมาใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ไม่ใช่เพราะเวลาเรามันมีไม่มากเท่านั้นหรอกนะ
แต่เพราะชีวิตเราก็ไม่แน่ไม่นอนยิ่งกว่านั้นเสียอีก
ที่คิดว่าแน่วันนี้ พรุ่งนี้จะเป็นยังไง .. เมื่อไหร่จะตัดสินใจใกล้ชิดติดสนิทพระเจ้าซะที
อ่อ .. และแน่นอนว่า ฉันใช้กำลังของตัวเองในการผลักดันตัวเองไปไม่ได้ทั้งหมด
จริงๆแล้ว ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะสักพัก มันก็จะเป็นอย่างที่แล้วมา
คือ ย้อนกลับมาอยู่จุดเดิม.. พลังของความเชื่อไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีความเชื่อ