“มองข้ามความต้องการของตัวเอง แล้วไปมองว่าคนอื่นเค้ายังขาดอะไร เปลี่ยนท่าทีที่มีข้างในใจ เรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ นั้นไม่ไกล..ตัวเรา ”
welcome

Lilypie Next Birthday Ticker

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

..when i fail..

เสร็จแล้วววววว เพิ่งแพคเสร็จเมื่อกี้เลย สดๆร้อนๆ
แต่.. ยังไม่ออนเอ็มหรอก จะเย็บชุดให้ลาเวนเดอร์ก่อน
แต่ที่แน่ๆ ต้องไปล้างจานกับสระผมก่อนแล้ว

เดี๋ยวมาเขียน.. ต่อนะ

...

ขอบคุณพระเจ้า สระผมกับล้างจานเสร็จ น้องหลับพอดี
หลับไปเอง หลังจากทั้งเหวี่ยงทั้งวีนมาตลอดหัวค่ำ
ร้อนมั่ง ได้เพลงไม่ถูกใจมั่ง
มาถูกใจกับเพลงนี้.. "ความรักมั่นคงอยู่สูงดั่งเมืองสวรรค์"

และ เมื่อคืนนี้..เพลงนี้แหละ ที่ฉันฟังในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
แล้วก็ต้องร้องไห้ .. และก็เป็นเรื่องน่าทึ่ง
เมื่อกลางดึกเมื่อวาน ตอนฉันนั่งเย็บหัวใจ และแม่ก็อ่านพระคัมภีรณ์ให้ฟัง
เพื่อจะหนุนใจคนที่สับสนและไม่แน่ใจในน้ำพระทัยของพระเจ้า
เพลงนี้ ก็มาจากพระคัมภีร์ตอนนั้น

เหตุผลที่ฉันเหมือนคนบ้าไปเมื่อวาน
เพราะฉันอ่อนแอ พยายามที่จะใช้กำลังของตัวเองในการดำเนินชีวิต
ท่ามกลางการกดดันรอบๆด้าน แทนที่จะทูลขอกำลังจากพระเจ้า
แต่ความอ่อนแอของฉันก็เปิดเผยบาปด้านมืดที่ซ่อนอยู่ในตัวฉันออกมา
มันมีหลายอย่าง ร้ายกาจ จนฉันแทบไม่เชื่อว่า ตัวเองเป็นคนแบบนี้
ไม่สิ ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เป็นความบาปที่ฉันยังไม่ได้ละทิ้งมัน
มีความขี้อิจฉาริษยา ฉันหมั่นไส้และขวางหูขวางตาไปเสียทุกคน
ไม่ว่าจะหันมองในชีวิตจริงหรือเหล่าเพื่อนในอินเตอร์เนต
มันดูงี่เง่านะที่เป็นแบบนั้น แต่ถ้าจะคิดว่ามันแค่งี่เง่าแล้วก็ปล่อยๆไปซะ
อย่าไปคิดมากดิ คิดไปแล้วได้อะไร .. แบบ ปลง มันไม่ใช่การแก้ปัญหา
ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องจมลงในบาปและอยู่ในอารมณ์แบบนั้นต่อ
แต่ต้องสารภาพบาป ยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิต
ไม่ใช่อดทนอดกลั้นมันด้วยตัวเอง แต่มองความรักของพระเยซู
จ้องที่กางเขน มองว่าพระเจ้ารักเรามากแค่ไหน .
.เราเป็นใครที่พระองค์ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งยอมรักเรา
ยอมที่จะลงมาเป็นมนุษย์เหมือนๆเรา แต่ต่างกับเราเพราะพระองค์ไม่มีบาปเลย
และยอมรับโทษผิดของเราไว้ที่ไม้กางเขน แค่เพียงเชื่อ และวางใจในพระองค์
เพียงเชื่อว่า พระองค์เป็นพระเจ้า เราจะได้รับความรอด ได้รับการยกโทษบาป
และจะมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ถ้าเรา "ยอม"ให้พระองค์เปลี่ยน
ชีวิตฉันที่เหมือนรู้จักพระเจ้ามาตลอดชีวิต ทุกครั้งที่จะเล่าว่า รู้จักพระเจ้าได้ยังไง
ฉันเริ่มไม่ค่อยถูกนัก เพราะเป็นเด็กที่ตามพ่อแม่ไปโบสถ์
การเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนหลายๆคนที่มาตัดสินใจเมื่อรู้เรื่องรู้ราว
ก็เลยไม่ค่อยมี เพราะไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนเลว บางครั้งยังหลงว่าเราเป็นคนดีซะด้วยซ้ำ
เวลานี้ฉันจึงเริ่มมองชีวิตตัวเอง ที่มีบาปสารพัดซ่อนอยู่ตามมุมมืดในชีวิต
เมื่อพระเจ้ากระเทาะเปลือกของฉันออก ให้เห็นว่า แม้ว่าการเดินตามพ่อแม่ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์
นั่นไม่ได้แสดงว่า ฉันได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งหมด
ไม่ใช่พระเจ้าเปลี่ยนฉันไม่ได้ แต่ฉันยังไม่ได้ยกชีวิตให้พระองค์จริงๆ
บัลลังก์หัวใจของฉัน มันยังเป็นของฉัน แต่วันนี้ฉันยกมันให้กับพระเยซูแล้ว
ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ ที่เพิ่งตัดสินใจต้อนรับพระเจ้า และเห็นพระคุณพระเจ้าในชีวิต
ไม่ใช่แค่การอวยพรให้อยู่ดีมีสุข ไม่ขัดสนการเงิน .. นั่นเป็นประเด็นรอง รองมากๆ
แต่สิ่งสำคัญมากที่สุด คือ ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ชีวิตที่เป็นเกลือและแสงสว่าง
คงเหมือนที่ ในค่ายครั้งนี้ อาจารย์เค้าหยิบ เกลือ กับ หมู ขึ้นมาให้ดู
ถามว่า ถ้าหมูเหมือนสังคม แล้วเราเป็นเกลือ ถ้าเกลือยังอยู่ในถุง ไม่เปิดออก ไม่เทลงใส่ในหมู
จะเกิดอะไรขึ้นกับหมู ...... มันก็เน่า
แต่คำถามถึงตัวฉัน คือ ฉันเป็นเกลือแล้วหรือยัง ใช่ ฉันได้รับความรอดแล้ว
ฉันรู้ว่าพระเจ้ามีจริง และพระเยซูคริสต์รักฉัน แต่ฉันยอมให้พระองค์เปลี่ยนชีวิตฉันแล้วยัง
ฉันรู้จักพระองค์มากแค่ไหน มันมากพอที่จะทำให้ฉันเป็นเกลือ และเทลงเพื่อคนอื่นหรือเปล่า..

ฉันพบคำตอบนั้น เมื่อคืน ก่อนที่จะได้ยินเพลงนั้น
เมื่อฉันทำให้พ่อกับแม่ร้องไห้ ด้วยบาปอีกหลายอย่าง
บาปของการกล่าวโทษ ฉันเหยียดหยามความรู้สึกพ่อแม่
ด้วยการกล่าวหาว่า .. พ่อแม่ ไม่ได้รักฉัน
มันไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลย แม้สักนิดก็ไม่ใช่
พ่อร้องไห้แล้วถามฉันว่า "ยังมีอะไรให้พ่อทำ แล้วจะยืนยันว่าพ่อรักลูก"
แม่ถามฉันซ้ำ ๆว่า "ไม่เชื่อเหรอว่า แม่รัก .. แม้ว่าจะคิดว่าใครๆไม่ได้รัก แต่ไม่เชื่อเหรอว่าแม่รัก"
ฉันตอบคำถามของพ่อกับแม่ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ฉันกล่าวหามันเป็นคำโกหก
ฉันยอมให้มารใช้ปากฉันในการทำร้ายพ่อแม่ สร้างความท้อแท้ใจให้ท่าน
มันจะเป็นความจริงได้ยังไงว่าพ่อแม่ไม่รัก
การดูแลเอาใจใส่มาทั้งชีวิต พ่อทำงานหนัก ทุกวันนี้เกือบจะทำงานห้องพักแทนฉันหมดแล้ว
จะให้ฉันนับความรักของพ่อและแม่ มันยังนับไม่ได้เลย นับไม่ถ้วน..
แต่ความคิดเหตุผลจอมปลอมก็สร้างเรื่องโกหกใส่ปากฉัน
เพียงเพราะหลายครั้งที่ฉันไม่มีส่วนร่วมในงาน หรือไปไหนๆ

นั่นสินะ.. แม่ถึงได้บอกฉันหมั่นคิดทบทวนความรักของพ่อ
เรื่องราวเหล่านั้นจะได้คอยย้ำเตือนฉัน
ว่า ... พ่อแม่รักฉันมากแค่ไหน



i'm so so sorry dad . i know You love me





พ่อสอนฉันว่า .. ฉันจะรู้จักพระเจ้าดีที่สุด ก็ด้วยการอ่านพระคัมภีร์
อ่านพระวจนะของพระเจ้า อ่านสิ่งที่พระเจ้าคุยกับฉันในนั้น
และฉันจะรู้ว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตฉันคืออะไร
จะรู้ว่า ความรักนั้น ไม่ใช่การตามใจทุกเรื่อง
แต่อดทนนาน และกระทำคุณให้ .. กับความหมายอีกหลายอย่างที่ฉันท่องได้
ที่พ่อสอน ไม่ใช่ให้ฉันเป็นคนเคร่งศาสนา
และไม่ใช่เพื่อเป็นคนที่สร้างเปลือกมาหุ้มตัวเอง แต่ภายในไม่ได้เปลี่ยนแปลง
แต่เพื่อให้ฉันได้รู้ว่าความจริงคืออะไร เพื่อเมื่อเจอการทดลองจะไม่ท้อถอยไป
หรือเผลอทำบาปให้พระเจ้าเสียพระทัย

หนึ่งในหลายอย่างที่ฉันเรียนรู้จากบทเรียนชีวิต คือ เรื่องของจิตวิญญาณสำคัญที่สุด
ฉันอาจจะละเลยในการทำอะไรต่ออะไรไป แต่ไม่ควรขาดการพูดคุยกับพระเจ้า
และไม่ควรปล่อยให้ความคิดที่ไม่เป็นความจริงเข้ามาในหัว


...

หลังจากพายุสงบ ฉันไปนั่งเย็บหัวใจใกล้ๆแม่
ฉันควรจะขอบคุณพระเจ้าที่ได้ปรนนิบัติรับใช้แม่
ได้ทดแทนพระคุณแม่บ้าง เพราะเท่าที่แม่ให้ฉันมาตลอดชีวิตก็เทียบไม่ได้เลย
ประโยคดูสวยเนอะ.. มันเป็นความตั้งใจ
แต่ถ้าเผลอคิดถึงตัวเอง ปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวแทรกเข้ามา
สิ่งดีๆที่ทำไป มันก็ไม่ได้เกิดผลดีไปทั้งหมด


ปล. นั่งโหลตรูปไปงานจักรของอาอ้ออยู่
หกโมงเช้าจนได้ เริ่มง่วง เสื้อลาเวนเดอร์ก็ยังไม่ลงมือ
มานั่งดูรูปไปงานจักรของอาอ้อเนี่ย เหอๆ เพลินกันไปเลยทีเดียว




 

 

Related Posts with Thumbnails